1.1 ความหมายของฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
ฮาร์ดแวร์ (Hardware) 
ความหมายของฮาร์ดแวร์ (Hardware)หมายถึง อุปกรณ์ , ชิ้นส่วน , วัสดุ ต่างๆ ที่มีรูปทรงและลักษณะทางกายภาพ สามารถจับต้องได้ ซึ่งก็คือส่วนประกอบต่างๆ ที่ประกอบกันขึ้นเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ และรวมไปถึงอุปกรณ์ต่อพ่วงต่าง ๆ ซึ่งเราสามารถแบ่งกลุ่มตามหน้าที่อุปกรณ์แต่ละตัวได้ดังนี้
• หน่วยรับข้อมูล (Input Unit)• หน่วยประมวลผล (Processing Unit)
• หน่วยแสดงผลลัพธ์ (Output Unit)
• หน่วยความจำสำรอง (Secondary Storage Device)
อุปกรณ์ของคอมพิวเตอร์ (Hardware)
เครื่องคอมพิวเตอร์ PC ที่เราใช้กันอยู่ในปัจจุบันนี้นั้นจะประกอบด้วยอุปกรณ์หลักดังนี้
1. ตัวถัง (Case)


- คือรูปร่างของคอมพิวเตอร์ซึ่งมีรูปร่างเป็นกล่องสี่เหลี่ยมใช้สำหรับเก็บรวบรวมชิ้นส่วน ที่เป็นส่วนประกอบของ เครื่องคอมพิวเตอร์ไว้ภายในกล่อง ตัวถังจะประกอบด้วย สวิทซ์ต่าง ๆ ได้แก่ สวิทซ์ ปิด/เปิด ปุ่ม Reset ช่อง สำหรับติดตั้ง Floppy Disk เครื่องเล่น CD-ROM ซึ่งด้านหลังจะมีช่องสำหรับเสียบอุปกรณ์พ่วงต่าง ๆ


- จอภาพจะเป็นทั้งหน่วยรับข้อมูล(Input) และ หน่วยแสดงข้อมูล (Output) ซึ่งจะแสดง ทั้งตัวอักษรและภาพ โดยจะรับสัญญาณมาจากแผงวงจร Video Graphic Array (VGA Card)


- แป้นพิมพ์หรือ Keyboard เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ป้อนข้อมูลเข้าสู่เครื่องเพื่อส่งข้อมูลนั้นไป หน่วยประมวลผลกลาง (CPU) เพื่อทำการประมวลผลก่อนที่จะนำผลที่ได้ไปแสดงออกทางจอภาพหรือทางเครื่องพิมพ์ ซึ่งลักษณะของ Keyboard นั้นจะคล้ายกับเครื่องพิมพ์ดีด


- เครื่องพิมพ์หรือ Printer มีไว้สำหรับนำข้อมูลออกจากเครื่องคอมพิวเตอร์


- เป็นอุปกรณ์สำหรับให้เสียงของคอมพิวเตอร์ โดยการทำงานร่วมกับการ์ดเสียง Sound Gard เช่น ฟังเพลง ดูหนัง เป็นต้น


- เมาส์ เป็นอุปกรณ์สำหรับชี้ว่าขณะนั้นเรากำลังอยู่ ณ ตำแหน่งไหนบนจอภาพ
7.ปากกาแสง 


- เป็นอุปกรณ์ภายนอกของเครื่องคอมพิวเตอร์ ทำหน้าที่คล้ายเมาส์
8. จอยสติ๊ก (Joystick) 


- เป็นอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับเล่นเกมส์เวลาใช้จะมีปุ่มกดบอกทิศทางของการทำงาน
9. โมเด็ม และ แฟ๊กซ์ (Modem & Fax) 


- ทำหน้าที่เป็นตัวกลางเชื่อมต่อระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์กับเครื่องคอมพิวเตอร์
โดยจะใช้สายโทรศัพท์เป็นตัวเชื่อมโยง ซึ่งสามารถสื่อสารทั้งภาพสียง หรือข้อมูล
ในรูปแบบของเอกสาร
10. สแกนเนอร์ (Scanner) 


- เป็นอุปกรณ์ที่ใช้แปลงรูปภาพหรือสิ่งพิมพ์ที่อยู่ภายนอกเข้าไปแสดงหรือแก้ไข เก็บไว้ภายในคอมพิวเตอร์
11. แทรกบอลล์ 


- เป็นอุปกรณ์ที่เราใช้แทนเมาส์ จะมีลักษณะคล้ายลูกบอลที่ติดอยู่กับแป้นพิมพ์ เวลาใช้จะให้มือลูบเบา ๆ ให้ลูกศรเลื่อนไปยังตำแหน่งที่ต้องการ
12. ปลั๊กไฟและเต้าเสียบ 


- เป็นอุปกรณ์ที่มีความสำคัญสำหรับคอมพิวเตอร์ควรที่จะเตรียม ให้เหมาะสมเพื่อความปลอดภัย
13.การ์ดเสียง (Sound Card 


- เป็นการ์ดที่ช่วยสนับสนุนและจัดการด้านเสียงของเครื่องพีซี และควบคุมอุปกรณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวกับเสียง ไม่ว่าจะเป็นการเล่นไฟล์เสียง สร้างเสียงดนตรี การบันทึกเสียงไปเป็นไฟล์แบบดิจิตอล ตลอดจนการ Mix เสียง การ์ดเสียงรุ่นใหม่จะเป็นแบบที่เสียบในสล็อต PCI และมีคุณสมบัติ Plug and Play ซึ่งทำให้การติดตั้งง่ายขึ้นมาก
แหล่งที่มาอ้างอิง : https://home.kku.ac.th/regis/student/Yeens/p3-1.html
ซอฟต์แวร์ (Software) 
ซอฟท์แวร์และภาษาคอมพิวเตอร์
เมื่อมนุษย์ต้องการใช้คอมพิวเตอร์ช่วยในการทำงาน มนุษย์จะต้องบอกขั้นตอนวิธีการให้คอมพิวเตอร์ทราบ การที่บอกสิ่งที่มนุษย์เข้าใจให้คอมพิวเตอร์รับรู้ และทำงานได้อย่างถูกต้อง จำเป็นต้องมีสื่อกลาง ถ้าเปรียบเทียบกับชีวิตประจำวันแล้ว เรามีภาษาที่ใช้ในการติดต่อซึ่งกันและกัน เช่นเดียวกันถ้ามนุษย์ต้องการจะถ่ายทอดความต้องการให้คอมพิวเตอร์รับรู้และปฏิบัติตาม จะต้องมีสื่อกลางสำหรับการติดต่อเพื่อให้คอมพิวเตอร์รับรู้ เราเรียกสื่อกลางนี้ว่าภาษาคอมพิวเตอร์
ชนิดของซอฟต์แวร์
ซอฟต์แวร์ระบบ
คือซอฟต์แวร์ที่บริษัทผู้ผลิตสร้างขึ้นมาเพื่อใช้จัดการกับระบบ หน้าที่การทำงานของซอฟต์แวร์ระบบคือดำเนินงานพื้นฐานต่าง ๆ ของระบบคอมพิวเตอร์ เช่น รับข้อมูลจากแผงแป้นอักขระแล้วแปลความหมายให้คอมพิวเตอร์เข้าใจ นำข้อมูลไปแสดงผลบนจอภาพหรือนำออกไปยังเครื่องพิมพ์ จัดการข้อมูลในระบบแฟ้มข้อมูลบนหน่วยความจำรอง
ซอฟต์แวร์ประยุกต์
เป็นซอฟต์แวร์ที่ใช้กับงานด้านต่าง ๆ ตามความต้องการของผู้ใช้ ที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้โดยตรง ปัจจุบันมีผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ใช้งานทางด้านต่าง ๆ ออกจำหน่ายมาก การประยุกต์งานคอมพิวเตอร์จึงกว้างขวางและแพร่หลาย เราอาจแบ่งซอฟต์แวร์ประยุกต์ออกเป็นสองกลุ่มคือ ซอฟต์แวร์สำเร็จ และซอฟต์แวร์ที่พัฒนาขึ้นใช้งานเฉพาะ ซอฟต์แวร์สำเร็จในปัจจุบันมีมากมาย เช่น ซอฟต์แวร์ประมวลคำ ซอฟต์แวร์ตารางทำงาน ฯลฯ
ซอฟท์แวร์ระบบ
คอมพิวเตอร์ประกอบด้วย หน่วยรับเข้า หน่วยส่งออก หน่วยความจำ และหน่วยประมวลผล ในการทำงานของคอมพิวเตอร์จำเป็นต้องมีการดำเนินงานกับอุปกรณ์พื้นฐานที่จำเป็น ดังนั้นจึงต้องมีซอฟต์แวร์ระบบเพื่อใช้ในการจัดการระบบ หน้าที่หลักของซอฟต์แวร์ระบบประกอบด้วย
- ใช้ในการจัดการหน่วยรับเข้าและหน่วยส่งออก เช่น รับการกดแป้นต่าง ๆ บนแผงแป้นอักขระ ส่งรหัสตัวอักษรออกทางจอภาพหรือเครื่องพิมพ์ ติดต่อกับอุปกรณ์รับเข้า และส่งออกอื่น ๆ เช่น เมาส์ อุปกรณ์สังเคราะห์เสียง
- ใช้ในการจัดการหน่วยความจำ เพื่อนำข้อมูลจากแผ่นบันทึกมาบรรจุยังหน่วยความจำหลัก หรือในทำนองกลับกัน คือนำข้อมูลจากหน่วยความจำหลักมาเก็บไว้ในแผ่นบันทึก
- ใช้เป็นตัวเชื่อมต่อระหว่างผู้ใช้งานกับคอมพิวเตอร์ สามารถใช้งานได้ง่ายขึ้น เช่น การขอดูรายการสาระบบในแผ่นบันทึก การทำสำเนาแฟ้มข้อมูล





















1.2 หน่วยประมวลผล หน่วยความจำหลัก หน่วยรับข้อมูล หน่วยแสดงผล หน่วยเก็บข้อมูลสำรองและอุปกรณ์สำรอง ข้อมูลอื่นๆ
หน่วยประมวลผล (Processing Unit)
คือ สมองของระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งทำหน้าที่ในการควบคุมการปฏิบัติงานหลักของเครื่อง กล่าวคือ ทำหน้าที่ด้านการคำนวณ ประมวลผลและการเปรียบเทียบตามคำสั่งหรือโปรแกรม โดยทั่วไปในเครื่อง ไมโครคอมพิวเตอร์จะติดตั้งอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของหน่วยประมวลผลกลาง ซึ่งจะประกอบด้วย Microprocessor Chip, แผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ (Card) และ Chip ประกอบอื่น ๆ ไว้บนแผงวงจรหลักที่เรียกว่า Mainboard หรือ Motherboard รวมเรียกทั้งหมดนี้ว่า System Unit หรือ System Cabinet นำไปติดตั้งไว้ในตัวถัง หรือ Case
หน่วยประมวลผลกลาง หรือ CPU ประกอบด้วยหน่วยย่อย 2 หน่วย คือ หน่วยควบคุม (Control Unit) และหน่วยคำนวณและตรรกะ (Arithmetic and Logical Unit : ALU)
1. หน่วยควบคุม (Control Unit)
หน่วยควบคุม(Control Unit) ทำหน้าที่ส่งสัญญาณควบคุม(Control Signal) ไปควบคุมการทำงานของหน่วยประมวลผล เป็นเหมือนผู้ที่ทำหน้าที่ปิด-เปิดสวิตช์ เพื่อควบคุมวงจรให้ทำงานตามคำสั่งหรือ โปรแกรมได้รับมา สัญญาณควบคุมต่าง ๆ เหล่านี้ ได้แก่
- ควบคุมการเคลื่อนย้ายข้อมูลระหว่างหน่วยความจำหลักกับหน่วยต่าง ๆ
- ควบคุมการเคลื่อนย้ายข้อมูลระหว่างหน่วยต่าง ๆ ภายในหน่วยประมวลผลกลาง

2. หน่วยคำนวณและตรรกะ (Arithmetic and Logical Unit : ALU)
หน่วยคำนวณและตรรกะ หรือที่เรารียกอีกอย่างหนึ่งว่า ALU ซึ่งวงจรนี้จะทำหน้าที่หลัก 2 อย่างคือ
1. ทำหน้าที่ด้านตรรกะ คือ การเปรียบเทียบ ได้แก่ เท่ากับ ไม่เท่ากับ มากกว่า น้อยกว่า มากกว่าหรือเท่ากับ น้อยกว่า หรือเท่ากับ
2. ทำหน้าที่เป็นเครื่องคิดเลขคำนวณ บวก ลบ คูณ หาร
แหล่งข้อมูลอ้างอิง : https://home.kku.ac.th/regis/student/Yeens/p4.html
แหล่งข้อมูลอ้างอิง : https://home.kku.ac.th/regis/student/Yeens/p4.html


หน่วยความจำของคอมพิวเตอร์หรือที่เรียกว่า Main Memory หรือ Primary Storage หรือInternal Storage เป็นหน่วยความจำที่ใช้ในการบันทึกข้อมูล (Data) คำสั่งหรือโปรแกรม (Instruction or Program) สามารถเก็บข้อมูลได้ชั่วคราวขณะที่เปิดเครื่องอยู่เท่านั้น เมื่อปิดเครื่องข้อมูลก็จะหายไป ส่วนใหญ่ถ้าพูดถึง main memory นั้นเรา จะหมายความถึง RAM (Random Access Memory)
RAM

เป็นชิป (Chip) ที่ทำหน้าที่เป็นหน่วยความจำหลัก
• ใช้เก็บข้อมูลหรือคำสั่งทั้งก่อนและหลังการประมวลผล
• สามารถเก็บข้อมูลได้ชั่วคราวขณะมีที่ไฟฟ้าเท่านั้น
• ผู้ใช้สามารถเขียน/อ่าน/ลบ/เปลี่ยนแปลงข้อมูลบน RAMได้ ดังนั้นความจุ(Capacity) และความเร็วในการเขียน/อ่าน(Access Time)ข้อมูลของ RAM จะมีผลต่อประสิทธิภาพ
• ถ้า RAM มีความเร็วสูงและ มีความจุมากก็จะทำให้คอมพิวเตอร์ทำงานให้ได้เร็วขึ้น
• ปัจจุบันคอมพิวเตอร์ควรมีหน่วยความจำอย่างน้อย 128 – 256 MB
• อนาคตคาดว่าจะมีการเพิ่มขนาดของRAM มากขึ้นเนื่องจากราคาถูกลง และ ซอฟต์แวร์มีขนาดใหญ่ต้องการใช้ RAM ที่มีความจุมากในขณะทำงาน
• ปัจจุบันมีหน่วยความจำที่นิยมใช้กัน 3 แบบ คือ
• ใช้เก็บข้อมูลหรือคำสั่งทั้งก่อนและหลังการประมวลผล
• สามารถเก็บข้อมูลได้ชั่วคราวขณะมีที่ไฟฟ้าเท่านั้น
• ผู้ใช้สามารถเขียน/อ่าน/ลบ/เปลี่ยนแปลงข้อมูลบน RAMได้ ดังนั้นความจุ(Capacity) และความเร็วในการเขียน/อ่าน(Access Time)ข้อมูลของ RAM จะมีผลต่อประสิทธิภาพ
• ถ้า RAM มีความเร็วสูงและ มีความจุมากก็จะทำให้คอมพิวเตอร์ทำงานให้ได้เร็วขึ้น
• ปัจจุบันคอมพิวเตอร์ควรมีหน่วยความจำอย่างน้อย 128 – 256 MB
• อนาคตคาดว่าจะมีการเพิ่มขนาดของRAM มากขึ้นเนื่องจากราคาถูกลง และ ซอฟต์แวร์มีขนาดใหญ่ต้องการใช้ RAM ที่มีความจุมากในขณะทำงาน
• ปัจจุบันมีหน่วยความจำที่นิยมใช้กัน 3 แบบ คือ
นิด
|
ความเร็ว
|
อัตตราการส่งข้อมูล
|
SD-RAM
|
133 MHz
|
133
|
DDR-RAM
|
266 MHz
|
2100
|
RD-RAM
|
400 MHz
|
3200
|
หน่วยวัดขนาดความจุของ RAM
1 Byte = 1 ตัวอักษร
Kilobyte (KB) = 1024 Bytes
Megabyte (MB) = 1024 Kilobytes
Gigabyte (GB) = 1024 Megabytes
Terabyte (TB) = 1024 Gigabytes
แหล่งข้อมูลอ้างอิง : https://home.kku.ac.th/regis/student/Yeens/p4.html
หน่วยรับข้อมูล (Input Unit)
หน่วยรับข้อมูล คือ เครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำหน้าที่รับข้อมูลรับข้อมูลหรือคำสั่ง จากผู้ใช้เข้าสู่เครื่องคอมพิวเตอร์โดยแปลงข้อมูลหรือคำสั่งนั้นให้อยู่ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อทำการประมวลผลต่อไป
สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ ดังนี้• แป้นพิมพ์ (Keyboard)
• เมาส์ (Mouse)
• สแกนเนอร์ (Scanner)
• เครื่องอ่านแถบรหัส(Barcode Reader)
• อุปกรณ์รับ-แสดงเสียง (Audio Input/Output Devices)
• จอภาพแบบสัมผัส(Touch Screen)
• อุปกรณ์อื่น ๆ เช่น กล้องดิจิตอล (Digital Camera)
อุปกรณ์รับข้อมูลที่ ต้องอาศัยสื่อบันทึกข้อมูล
• เครื่องอ่านเทปกระดาษ (Paper Tape Reader)
• เครื่องอ่านเทปแม่เหล็ก (Magnetic Tape Drive)
• เครื่องขับแผ่นดิสก์ (Floppy Disk Drive)
• เครื่องอ่านบัตรเจาะรู (Punched Card Reader)
• เครื่องขับแผ่นซีดีรอม (CD-ROM Drive)
อุปกรณ์รับข้อมูล ได้แก่
1) คีย์บอร์ด (Keyboard) อุปกรณ์รับข้อมูลจากการกดแป้นแล้วทำการเปลี่ยนเป็นรหัส เพื่อบอกให้คอมพิวเตอร์รู้ว่ามีการกดตัวอักษรอะไร แผงแป้นอักขระส่วนใหญ่เป็นไปตามมาตรฐานของเครื่องพิมพ์ดีด ซึ่งระบบรับรหัสตัวอักขระที่ใช้ในทางคอมพิวเตอร์เป็นรหัส 7 หรือ 8 บิต
2) เมาส์ (Mouse) อุปกรณ์นำเข้าข้อมูลโดยการเลื่อนเมาส์เพื่อบังคับตัวชี้ไปยังตำแหน่งต่างๆ บนหน้าจอ เมาส์ที่นิยมใช้มีด้วยกัน 3 ประเภท ได้แก่
- แบบทางกล (Mechanical) ใช้ลูกกลิ้งกลม
- แบบใช้แสง (Optical mouse)
- แบบไร้สาย (Wireless Mouse
3) OCR (Optical Character Reader) อุปกรณ์นำเข้าข้อมูล โดยใช้วิธีการอ่านข้อมูลด้วยลำแสงในลักษณะพาดขวางบนเอกสารที่มีข้อมูลอยู่ แล้วแปลงรหัสเป็นสัญญาณไฟฟ้าเข้าไปเก็บในเครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์โอซีอาร์ที่เราสามารถพบเห็นได้ในชีวิตประจำวัน ได้แก่ เครื่องอ่านรหัสแท่ง (Barcode reader)
- แบบเลื่อนกระดาษ (Sheet-Fed Scanner) สแกนเนอร์แบบนี้จะรับกระดาษแล้วค่อย ๆ เลื่อนหน้ากระดาษให้ผ่านหัวสแกนซึ่งอยู่กับที่
- แบบแท่นนอน (Flatbed scanner) สแกนเนอร์แบบนี้จะมีกลไกคล้ายกับเครื่องถ่ายเอกสาร เหมาะสำหรับใช้กับเอกสารทั้งที่เป็นแผ่นเดียวและเอกสารที่เป็นเล่ม
- แบบมือถือ (Hand-held Scanner) สแกนเนอร์แบบมือถือได้รวมเอาข้อดีของสแกนเนอร์ ทั้งสองแบบเข้าไว้ด้วยกัน
9) จอสัมผัส (Touch Screen)
8) จอยสติก (Joy Sticks) เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการควบคุมทิศทางของวัตถุบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ ส่วนใหญ่จะใช้ในการเล่นเกมคอมพิวเตอร์ มีทั้งที่เป็นแบบแบน แบบคันโยก หรือ แบบพวงมาลัย
9) จอสัมผัส (Touch Screen)เป็นจอภาพชนิดพิเศษที่ใช้ระบบสัมผัสแทนการใช้คีย์บอร์ดและเมาส์ นิยมนำมาใช้กับงาน
11) แผ่นสัมผัส (Touch Pads) เป็นอุปกรณ์รับข้อมูลโดยการใช้นิ้วสัมผัสลงบนแผ่นสัมผัส น้ำหนักที่กดสงไปจะถูกเปลี่ยนเป็นสัญญาณไฟฟ้า มักเห็นอยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก
12) กล้องดิจิทัล (Digital Camera) เป็นอุปกรณ์รับข้อมูลเข้าสู่เครื่องคอมพิวเตอร์ ที่สามารถแปลงข้อมูลภาพเป็นสัญญาณดิจิทัล มีลักษณะการใช้งานเหมือนกล้องถ่ายภาพทั่วไป แต่ต่างกันตรงที่ไม่ต้องใช้ฟิล์มในการบันทึกข้อมูล ข้อมูลภาพที่ได้สามารถถ่ายลงสู่เครื่องคอมพิวเตอร์และสามารถเรียกดูได้ทันที หรือจะใช้โปรแกรมช่วยตกแต่งภาพให้ดูสวยงามขึ้นก็ได้
13) อุปกรณ์รับข้อมูลเสียง (Voice Input Devices) หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ไมโครโฟน เป็นอุปกรณ์รับข้อมูลในรูปแบบเสียง โดยจะทำการแปลงสัญญาณเสียงเป็นสัญญาณดิจิทัลแล้วจึงส่งไปยังคอมพิวเตอร์
แหล่งข้อมูลอ้างอิง : https://home.kku.ac.th/regis/student/Yeens/p4.html


หน่วยแสดงผล คือ เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการแสดงผลลัพธ์หรือสารสนเทศที่ผ่านการประมวลผล โดยจะแปลงผลลัพธ์จากสัญญาณไฟฟ้าของเครื่องคอมพิวเตอร์ให้กลายเป็นรูปแบบที่มนุษย์เข้าใจ เช่น ตัวอักษร ตัวเลข สัญลักษณ์พิเศษ รูปภาพ ภาพเคลื่อนไหว และเสียง เป็นต้น อุปกรณ์หน่วยแสดงผลที่นิยมใช้ในปัจจุบัน มีดังนี้
1.จอภาพ (Monitor)
1.จอภาพ (Monitor)

เครื่องพิมพ์ (Computer printer) คืออุปกรณ์ที่จะแปลการประมวลผลของคอมพิวเตอร์ออกมาในรูปแบบกระดาษ ทั้งรูปภาพและอักษร เครื่องพิมพ์แบ่งออกเป็น 4 ประเภท
1.เครื่องพิมพ์ดอตแมทริกซ์ (Dot-matrix printer)
เครื่องพิมพ์ดอตแมทริกซ์ ในปัจจุบันส่วนใหญ่ นิยมใช้กันมี 3 แบบ
1.เครื่องพิมพ์แบบ 9 เข็ม
2.เครื่องพิมพ์แบบ 24 เข็ม
3.เครื่องพิมพ์แบบ 32 เข็ม
2.เครื่องพิมพ์เลเซอร์ (Laser printer)
เป็นเครื่องพิมพ์ที่ใช้เทคโนโลยีเดียวกับเครื่องถ่ายเอกสาร คือยิงเลเซอร์ไปสร้างภาพบนกระดาษในการสร้างรูปภาพ หรือตัวอักษร ซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมาจะมีคุณภาพสูงมาก และราคาเครื่องพิมพ์ก็มีราคาสูงมากด้วยเช่นกัน ซึ่งเครื่องพิมพ์เลเซอร์จะทำงานได้เร็วกว่าเครื่องพิมพ์แบบพ่นหมึก และคุณภาพของผลลัพธ์ทั้งด้านความคมชัดและรายละเอียดทำออกมาได้ดีกว่าแบบพ่นหมึกมาก
1.เครื่องพิมพ์ดอตแมทริกซ์ (Dot-matrix printer)
การทำงานของเครื่องพิมพ์ประเภทนี้คือจะใช้การสร้างจุดลงบนกระดาษ ซึ่งหัวพิมพ์จะมีลักษณะเป็นหัวเข็ม เมื่อต้องการพิมพ์รูปทรงหรือรูปภาพใดๆ หัวเข็มที่อยู่ในตำแหน่งตามรูปประกอบนั้นๆ จะยื่นออกมามากกว่าหัวอื่นๆ และกระแทกกับผ้าหมึกลงกระดาษที่ใช้พิมพ์ จะทำให้เกิดจุดมากมายประกอบกันเป็นรูปเกิดขึ้นมา เครื่องพิมพ์ประเภทนี้เป็นที่นิยมกันอย่างมากเพราะมีราคาถูกและคุณภาพเหมาะสมกับราคา แต่ข้อเสียคือเวลาสั่งพิมพ์จะเกิดเสียดังพอสมควร
1.เครื่องพิมพ์แบบ 9 เข็ม
2.เครื่องพิมพ์แบบ 24 เข็ม
3.เครื่องพิมพ์แบบ 32 เข็ม
4.เครื่องพิมพ์แบบพ่นหมึก (Inkjet printers)
2.เครื่องพิมพ์เลเซอร์ (Laser printer)
เป็นเครื่องพิมพ์ที่ใช้เทคโนโลยีเดียวกับเครื่องถ่ายเอกสาร คือยิงเลเซอร์ไปสร้างภาพบนกระดาษในการสร้างรูปภาพ หรือตัวอักษร ซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมาจะมีคุณภาพสูงมาก และราคาเครื่องพิมพ์ก็มีราคาสูงมากด้วยเช่นกัน ซึ่งเครื่องพิมพ์เลเซอร์จะทำงานได้เร็วกว่าเครื่องพิมพ์แบบพ่นหมึก และคุณภาพของผลลัพธ์ทั้งด้านความคมชัดและรายละเอียดทำออกมาได้ดีกว่าแบบพ่นหมึกมาก
3.พล็อตเตอร์ (Plotter)
พล็อตเตอร์ (Plotter) เป็เครื่องพิมพ์แบบที่ใช้ปากกาในการเขียนข้อมูลลงบนกระดาษ ซึ่งเครื่องพิมพ์ประเภทนี้เหมาะกับงานเขียนแบบของวิศวกรและสถาปนิก และเครื่องพิมพ์ประเภทนี้มีราคาแพงที่สุดในเครื่องพิมพ์ประเภทต่างๆ
4.ลำโพง (Speaker)
ลำโพง เป็นอุปกรณ์แสดงผลลัพธ์ที่อยู่ในรูปของเสียง สามารถเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ผ่านแผงวงจรเกี่ยวกับเสียง (Sound card) ซึ่งมีหน้าที่แปลงข้อมูลดิจิทัลไปเป็นเสียง
แหล่งข้อมูลที่อ้างอิง https://sites.google.com/site/myhardware03/hnwy-saedng-phl-output-unit


หน่วยความจำสำรอง (Secondary Storage Unit or Auxiliary Unit) ถือเป็น หน่วยความจำภายนอก (External Memory) ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่ในการจัดเก็บสำรองข้อมูลของคอมพิวเตอร์ไว้อย่างถาวร
การพิจารณาประสิทธิภาพของหน่วยความจำสำรอง
1. ความเร็ว (Retrieval speed) หมายถึง เวลาที่ใช้ในการอ่านข้อมูลและได้ข้อมูลที่ต้องการ โดยทั่วไปหน่วยความจำสำรองที่มีความเร็วในการอ่านสูงและสามารถเก็บข้องมูลได้มากจะมีราคาแพง2. ขนาดของความจำ (Storage capacity) คือ อุปกรณ์สำรองข้อมูลมีความสามารถในการเก็บข้อมูลได้มากน้อยเพียงใด
3. ต้นทุนต่อหน่วย (Cost per bit of capacity)
ตัวอย่างอุปกรณ์ที่เป็นหน่วยความจำสำรอง
• ดิสก์เกต (Floppy Disks)
• ฮาร์ดดิสก์ (Hard Disk)
• ซีดี-รอม (CR-ROM)
• เทปแม่เหล็ก (Magnetic Tape)
• ฮาร์ดดิสก์ (Hard Disk)
• ซีดี-รอม (CR-ROM)
• เทปแม่เหล็ก (Magnetic Tape)
ดิสก์เกต (Diskette)

-เรียกว่า Diskette หรือ Disks หรือ Flexible disks
-ใช้ในการบันทึกและแสดงผลของข้อมูล
- มีลักษณะเป็นแผ่นบาง ๆ ทำจาก plastic mylar หมุนอยู่ในพลาสติก ห่อหุ้ม(Jacket)
- ข้อมูลทั้งหมดจะถูกเก็บไว้ในรูปแบบ ของ 0, 1ไว้บนแผ่น plastic mylar
- ต้องใช้ร่วมกับเครื่อง ขับแผ่นดิสก์ (Floppy Disk Drive)
- สามารถเข้าถึงข้อมูลได้ 2 แบบ คือ แบบลำดับ (Sequential Access) และแบบสุ่ม(Random Access) ทำให้เขียน/อ่านข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว
-โครงสร้างในการบันทึกข้อมูลในการบันทึกข้อมูลของแผ่นดิสก์จะมีลักษณะเป็นวงกลมหลาย ๆ วงซ้อนกันอยู่ เรียกว่า Track
- Track สามารถแบ่งออกเป็นส่วน ๆ เรียกว่า Sector
- ในแต่ละ Sector โดยทั่วไปสามารถบรรจุข้อมูลได้ประมาณ 512 Bytes
- สามารถใช้บันทึกข้อมูลได้ทั้งด้านบนและด้านล่าง (2 sides)
- แผ่นดิสก์ มี 2 ขนาด คือ 5.25” และ 3.50” ซึ่งปัจจุบันมักใช้แต่ขนาด 3.50”
แหล่งข้อมูลที่อ้างอิง :https://home.kku.ac.th/regis/student/Yeens/p8.html
1.3 ตัวอย่างการนำคอมพิวเตอร์มาประยุกต์ใช้งาน
ปัจจุบันได้มีการนำคอมพิวเตอร์มาประยุกต์ใช้กับงานในองค์การทุกประเภท ทั้งนี้เนื่องมาจากคุณสมบัติที่ดีในการทำงานของคอมพิวเตอร์ที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น การนำคอมพิวเตอร์มาใช้ในการดำเนินงานมีแนวโน้มว่าจะเพิ่งขึ้นอย่างรวดเร็วในอนาคตอันใกล้นี้ ทั้งนี้เนื่องมาจากความเจริญทางด้านเทคโนโลยีที่มีการสื่อสารที่มีการพัฒนาอุปกรณ์ให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เช่น โทรศัพท์เคลื่อนที่ (Mobile Phone) เป็นต้น
1. การนำเสนอข้อมูลขององค์การ (Organization Profile) หน่วยงานต่างๆ ได้พัฒนาเว็บไซต์เพื่อเป็นการให้ข้อมูลขององค์การ ช่วยให้การประชาสัมพันธ์และการติดต่อสื่อสารเป็นไปอย่างรวดเร็ว และประหยัดค่าใช้จ่าย
2. การนำเสนอและขายสินค้าและบริการ (Sales and Services) การทำธุรกิจบนอินเตอร์เน็ตหรือพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน บริษัทและธุรกิจประเภทต่าง ๆ ได้ใช้คอมพิวเตอร์ และอินเทอร์เน็ตมาเป็นช่องทางการจำหน่ายสินค้าและบริการอีกทางหนึ่ง
5. งานบัญชี (Accounting)โปรแกรมระบบบัญชีได้รับความนิยมเกือบทุกองค์การบางหน่วยงานอาจใช้โปรแกรมสำเร็จรูปทางด้านบัญชี ในขณะที่บางหน่วยงานอาจพัฒนาโปรแกรมขึ้นมาใช้เอง
6. งานบุคลากร (Human Resourcing) การคำคอมพิวเตอร์มาช่วยในการจัดเก็บข้อมูลของบุคลากรในบริษัท ควบคุมและดูแลบุคลากร ช่วยการวางแผนงานด้านบุคลากรช่วยการวางแผนงานด้านบุคลากร รวมถึงการพัฒนาคุณภาพบุคลากรให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
7. งานฐานข้อมูลลูกค้า (Customer Database) ใช้ในการจัดเก็บประวัติและข้อมูลทั่วไปของลูกค้า เช่น ข้อมูลผู้ป่วย ข้อมูลลูกค้าที่สั่งซื้อสินค้า เพื่อใช้ในการจัดทำสถิติและการวางกลยุทธ์ทางการตลาด
8. การเรียนการสอน (Teaching and Learning) โลกของเทคโนโลยีสารสนเทศได้เจริญรุดหน้าไปยังทุกหน่วยงาน ไม่ได้จำกัดเฉพาะวงการธุรกิจเท่านั้น แม้กระทั่งหน่วยงานทางการศึกษาก็ได้นำคอมพิวเตอร์มาช่วยงานอย่างกว่างขวางเช่นเดียวกัน ลักษณะงานที่เด่นชัด เช่น การนำคอมพิวเตอร์มาช่วยในการเรียนการสอน การจัดเก็บข้อมูลนักศึกษาและผลการเรียน เป็นต้น
แหล่งที่มาจาก :ที่มา : https://sites.google.com/site/loryeng2/khwam-hmay-khxng-thekhnoloyi-sarsnthes
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น